บทเรียนที่ 9
ตั้งแต่กี่โมงคะ
วันนี้ ศาสตราจารย์ซุซุกิมีประกาศจะแจ้งให้ทราบในชั้นเรียนนะคะ
ประโยคสำคัญ:
NANJI KARA DESU KA
บทสนทนา
先生 | 明日、健康診断があります。 | พรุ่งนี้ มีการตรวจสุขภาพครับ
|
---|---|---|
อาจารย์ | ASHITA, KENKÔSHINDAN GA ARIMASU.
พรุ่งนี้ มีการตรวจสุขภาพครับ
|
|
アンナ | 何時からですか。 | ตั้งแต่กี่โมงคะ
|
แอนนา | NANJI KARA DESU KA.
ตั้งแต่กี่โมงคะ
|
|
先生 | 午前9時から11時までです。 ここに8時半に集まって下さい。 |
ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 11 โมงครับ กรุณารวมตัวที่นี่ 8 โมงครึ่ง |
อาจารย์ | GOZEN KUJI KARA JÛICHIJI MADE DESU. KOKO NI HACHIJI HAN NI ATSUMATTE KUDASAI.
ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 11 โมงครับ
กรุณารวมตัวที่นี่ 8 โมงครึ่ง |
หลักไวยากรณ์
NANJI
NAN แปลว่า “อะไร” และ JI หมายถึง “โมง”JI คือลักษณนามบ่งชี้เวลาตามชั่วโมงนั้น ๆ
e.g.) NANJI DESU KA. (กี่โมงคะ) กรุณาไปที่“ข้อมูลเสริมการเรียน”
ครูสอนภาษาญี่ปุ่น
คำกริยารูป TE รูปแบบอื่น ๆ
อาจารย์อธิบายว่า ในบทเรียนบทที่แล้ว เราได้เรียนรู้รูปแบบพื้นฐานในการผันคำกริยารูป MASU ไปเป็นรูป TE คือ เราสามารถเปลี่ยนจากรูป MASU ไปเป็น TE ได้ง่าย ๆ นะครับแต่วันนี้ เราจะได้เรียนรูปแบบอื่นนะครับ ในรูปแบบนี้ นอกจากเราจะต้องเปลี่ยน MASU แล้ว เรายังต้องเปลี่ยนพยางค์ที่นำหน้า MASU ด้วยครับ
คำเลียนเสียงและท่าทาง
เราพูดคำนี้เมื่อเกือบจะพลาดเป้า
ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มีคำเลียนเสียงธรรมชาติและท่าทางอยู่มากมาย คำลักษณะนี้ได้รับการอธิบายผ่านเสียง โดยครอบคลุมคำหลากหลายประเภท ตั้งแต่เสียงร้องของสัตว์ไปจนถึงคำแสดงความรู้สึก
บันทึกของแอนนา
“สำหรับคนญี่ปุ่นนั้น เลขบางตัวถือว่าเป็นโชคร้ายนะคะ เลขสี่คือ SHI ออกเสียงแบบเดียวกับคำที่หมายถึง “ความตาย” ส่วนเลขเก้าคือ KU ออกเสียงเหมือนคำที่แปลว่า “ความทุกข์” เพราะฉะนั้น โรงแรมและโรงพยาบาลบางแห่งมักหลีกเลี่ยงห้องหมายเลข 4 และ 9 กันค่ะ"
